วันจันทร์, กันยายน 27, 2553

อิริค แพทริก แคลปตัน (Eric Clapton) กีตาร์ Slow Hand ตำนานที่ยังมีลมหายใจ



อีริค แพทริก แคลปตัน เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2488 ประเทศอังกฤษ ภายหลังจากที่เขาเสียคุณพ่อไป คุณตาคุณยายของอีริค(โรส และแจ็ก แคลป อังกฤษ: Rose and Jack Clapp) จึงยื่นมือเขามาช่วย โดยทำหน้าที่เป็นพ่อแม่และเลี้ยงดูอีริค เหมือนเป็นลูกของตัวเอง นามสกุลของอีริค เป็นของสามีคนแรกของ คุณยายเขาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของคุณแม่เขาที่ชื่อว่า Reginald Cecil Clapton
 อีริคเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่รักเสียงดนตรี ด้วยบุคลิกภาพที่เป็นคนเงียบ ขรึม และสุภาพของอีริค เขาจึงถูกมองว่าเป็นเด็กที่เรียนดี มีความสามารถ ทางด้านศิลปะ เมื่อเริ่มวัยเรียน เขาเกิดความสงสัย ในต้นกำเนิดของตัวเอง เมื่อสังเกตเห็นว่า เขาไม่ได้ใช้นามสกุลเดียว กับเขาคุณตาคุณยาย Mr. and Mrs. Clapp ซึ่งเขาคิดว่าเป็นพ่อแม่ เขาจึงได้รู้ความจริงเกี่ยว กับพ่อแม่แท้ๆเมื่ออายุ 9 ขวบ เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญหนึ่งในชีวิต และมีผลกระทบอย่างมากต่อ ชีวิตของเขา
 ในปี 2504 อีริค ได้เข้าเรียนใน Kingston College of Art ด้วยการติดทัณฑ์บน 1 ปี แต่ก็ไม่สามารถผ่านช่วงทัณฑ์บนไปได้ และถูกไล่ออก สาเหตุก็เพราะ เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีให้กับการฟังเพลง และเล่นกีต้าร์แนวบลูส์ จนไม่มีเวลาให้กับการเรียน ด้วยความที่เป็นคนช่างคิด เขาจึงสามารถมองผ่าน เปลือกนอกและลงลึกไปในเนื้อในความป็นร็อก ในแนวเพลง American Blues และเพลงแนวบลูส์นี้เองที่ช่วยสื่อถึงตัวตน ที่แท้จริง ของเขาได้อย่างแท้จริง
เอกลักษณ์ของเขา เกิดจากการที่เขาไม่ได้ลอกเลียน riff ของเพลงบลูส์ที่เขาเคยได้ยิน เขาผสมผสานอารมณ์เพลงของต้นฉบับ เข้ากับสไตล์ การเล่นกีต้าร์เฉพาะตัวของเขา จึงทำให้อีริค สามารถขยายคำจำกัดความ ของการเล่นกีต้าร์เพลงบลูส์ แต่ละอัลบั้มที่วางจำหน่ายหลังจากอัลบั้ม 461 Ocean Boulevard Eric ได้นำเสนอดนตรีรูปแบบใหม่เสมอมา ตลอดช่วงทศวรรษที่ 70 และช่วงต้นยุคทศวรรษที่ 80 อีริคได้ออกอัลบั้มและเดินสายเปิด การแสดงทั่วโลก อย่างไม่ขาดสาย ในปี 2528 เขาได้พบกับกลุ่มผู้ฟัง กลุ่มใหม่ที่ตามชมการแสดง ของเขา ในการทัวร์คอนเสิร์ต การกุศลทั่วโลกที่ชื่อว่า คอนเสิร์ตไลฟ์เอด การแสดงที่ Royal Albert Hall และการมีอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากมาย ตัวอย่างเช่นอัลบั้ม August, Journeyman และ Crossroads ทำให้อีริค แคลปตันกลายเป็นที่จดจำ ของสาธารณชน ในช่วงปลายของยุค 80 เขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเองอีกครั้ง ในฐานะผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ อาชีพการงานของเขา มั่นคงขึ้นเรื่อยๆและขึ้นสู่จุดสูงสุดในปี 2535 เมื่อเขาออกอัลบั้ม ใน 40 กว่าปีที่อยู่ในวงการมาอีริค แคลปตันได้รางวัลมากมาย เขาเป็นนักร้องคนเดียวที่ได้มีชื่ออยู่ในสมาชิกของรางวัล the Rock & Roll Hall Of Fame (ในฐานะของวง The Yardbirds และวง Cream และในฐานะนักร้องเดี่ยว
ผู้จัดการของวง The Yardbirds คุณ Giorgio Gomelsky เป็นคนตั้งฉายาให้อีริค ว่า “Slowhand” ช่วงต้นปี 1964 นักกีตาร์ที่ชื่อ Yardbirds ของ Chris Dreja กล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่อีริค ทำสายกีตาร์ขาดขณะเล่นคอนเสิร์ต บนเวที เขาก็จะยืนรอจนกว่าจะมีคนเอากีตาร์ตัวใหม่มาให้ ผู้ชมก็น่ารักมาก จะตบมือช้าๆ รอไปด้วย เรียกว่า “slow handclap” อีริค บอกกับ Ray Coleman คนเขียนประวัติส่วนตัวของเขาว่า ชื่อเล่น Slowhand ของเขาได้มาจาก Giorgio Gomelsky เขาสร้างคำที่มีความหมายสองนัย ขึ้นมา เขาบอกอยู่เสมอว่าผมเป็นคนเล่นกีตาร์เร็ว เขาจึงนำเอาประโยค handclap ช้าๆ เข้าไปไว้ใน Slowhand เพื่อเล่นคำกัน

CBE และ OBE: รางวัลแห่งเกียรติยศที่ได้รับจากราชวงศ์ ถึงแม้อีริค แคลปตัน ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวินโดยสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ก็ตาม แต่เขาก็ยังรับรางวัลจากพระองค์ถึง 2 รางวัลด้วยกัน
ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 2547 ที่งานมอบรางวัลซึ่งจัดขึ้นที่พระราชวัง Buckingham เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Commander of the Order of the British Empire หรือ CBE ซึ่งงานมีเจ้าหญิง Anne เป็นผู้ดำเนินงาน ซึ่งผู้ที่จะได้รับการเชิญเข้างานนี้โดยสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 นั้นได้รับการแจ้งล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ปี 2546
ในปี 2537 สมเด็จพระราชินีได้แต่งตั้งให้เขาเป็น Officer of the Order of the British Empire (OBE) สำหรับสิ่งที่เขาอุทิศ ให้กับวิถีชีวิตแบบอังกฤษ และถ้าหากเขาได้รับการแต่งตั้งอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาจะได้เป็น อัศวิน และเขาจะได้รับการเรียกว่า Sir Eric Clapton นี่คืออัลบัมผลงานของเขา
Crossroads (Polydor Records), 1988
24 Nights (Reprise Records), 1991
Unplugged (Reprise Records, 1992
From The Cradle (Reprise Records), 1994
Pilgrim (Reprise Records), 1998
Chronicles (Reprise Records), 1999
Riding With The King (Reprise Records), 2000
Reptile (Reprise Records), 2001
One More Rider One More Car (Duck Records), 2002
Me and Mr. Johnson (Warner Bros / Wea), 2004
Sessions For Robert J. (Warner Bros / Wea), 2004
Back Home (Warner Bros / Wea) (August 30, 2005)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

รายการบล็อกของฉัน