วันเสาร์, กันยายน 25, 2553

BB.King บุรุษผู้เป็นตำนาน 3


   หากจะติดตามการเคลื่อนไหวทางดนตรีของ B.B. King อย่างต่อเนื่องแล้ว  ก็จะเห็นได้ว่าดนตรีบลูส์ของผู้เฒ่าคนนี้มีการผสมผสานกับดนตรีในแนวอื่นๆอยู่หลายช่วงทีเดียว  อันนำมาซึ่งผลกระทบทางด้านลบอยู่หลายครั้ง  ผู้เฒ่า B.B. มักเรียกช่วงเวลาเหล่านั้นว่า เป็นการทำสงครามแบบหนึ่ง  เขาใช้เวลาหลายปีต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับในดนตรีบลูส์ซึ่งอาจนำไปผสมผสานกับแนวดนตรีชนิดอื่นได้  แต่สิ่งที่ได้รับออกมาในเชิงการดูหมิ่นไม่ว่าจะจากนักดนตรีด้วยกันหรือสื่อมวลชนทั่วไป  คนเหล่านั้นเพียงแค่ยอมรับ B.B. King ในวิถีทางแห่งดนตรีบลูส์แท้ๆเท่านั้น
             
ถ้าจะมองกันให้ลึกไปถึงสิ่งที่ผลักดันอยู่เบื้องหลังดนตรีของเขาก็คงไม่พ้นความกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเองเป็นเบื้องต้น  สิ่งที่ตามมาพร้อมกับความหนุ่มแน่นของ B.B. ในยุคแรกเริ่มก็คือการทำลายขีดคั่นทางดนตรีในโลกของการกีดกันทางสีผิวให้จงได้  จึงทำให้เด็กหนุ่มจากมิสซิสซิปปี้ผู้ไม่เคยเหยียบย่างเข้าโรงเรียนแม้แต่ก้าวเดียวอย่าง B.B. ทำในสิ่งที่เกินกว่าใครๆจะคาดหวังได้  ผลก็คือดนตรีบลูส์ในรสชาติใหม่ที่ไม่ใช่เพียงแค่รับอิทธิพลมาจากบลูส์แมนชั้นยอดอย่าง Blind Lemon Jefferson, T-Bone Walker และ Lonnie Johnson เท่านั้น  แต่ยังมีส่วนผสมของดนตรีแจ๊สจากระดับปรมาจารย์อย่าง Charlie Christian, Django Reinhardt และ Count Basie รวมถึงนักร้องแนวพ๊อพบัลลาดอย่าง Frank Sinatra และ Tony Bennett อีกด้วย  ซึ่งนั่นก็คืออาหารจานใหญ่ที่ B.B. King บรรจงปรุงแต่งให้กับคนฟังที่มีความเชื่อมั่นในตัวเขามาตลอด  แน่นอนว่า B.B. ย่อมมีเหตุผลในการสร้างงานแบบที่เป็นอยู่  “ผมสนุกกับการได้ฟังเพลง” B.B. กล่าวและผมชอบทำเดโมเทปเป็นการส่วนตัวเก็บเอาไว้เสมอ ยกตัวอย่างเช่นเรามีศิลปินสิบคนกับผลงานที่แตกต่างกันสิบชุด  ผมจะหาแต่ละแทรคในแต่ละอัลบั้มที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวออกมา แล้วฟังมันไปเรื่อยๆ  จากนั้นผมจะเล่นมันและบันทึกเสียงด้วยตัวเองแล้วเก็บเอาไว้  ผมไม่ค่อยจะได้ฟังเพลงเพื่อหย่อนใจเท่าไหร่หรอก  แต่ผมจะฟังเพื่อข่าวสารที่มีอยู่ในนั้นแล้วก็เรียนรู้มันไปด้วย  ผมได้ยินสิ่งที่ผมชอบจากเพลงมากมายของศิลปินที่ผมเรียนรู้งานของเขา  แล้วก็มีหลายเพลงที่คุณพยายามจะทำมันบ้าง  แต่เมื่อถึงตอนนั้นมันจะกลายเป็นว่าคุณพยายามที่จะทำให้ได้เสียงออกมาแบบศิลปินคนนั้น  ซึ่งผมจะทำไปอีกทางหนึ่ง  ผมมักจะหยิบเอาเฉพาะบางสิ่งที่ผมคิดว่าจะเอามาทำให้เป็นเสียงในแบบของผมออกมาใช้แล้วทำให้คนอื่นจดจำมันได้  จุดนี้กระมังที่หลายคนมักจะต่อว่าต่อขานผมเสมอว่าวิถีทางของผมมันไม่บริสุทธิ์  แต่ก็ช่างเถอะ...ผมมันเป็นเพียงชายแก่ที่เล่นดนตรีเป็นอาชีพเท่านั้น  ผมไม่ได้กำลังพยายามทำตัวเพื่อให้ได้รับปริญญาระดับด๊อกเตอร์สักหน่อย


แรงผลักดันอีกอย่างหนึ่งของ B.B. ก็คือปรัชญาการดำเนินชีวิตและการทำงานของเขานั่นเอง  “ก็เหมือนอย่างที่ผมบอกไปแล้วในตอนต้นนั่นแหละ  ชีวิตผมผูกพันกับการเดินทางมาตลอด  ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่เดินทางไปเปิดการแสดงเท่านั้น  แต่มันหมายถึงการทำงานดนตรีของผมด้วย  ผมมองไปที่โคคา-โคล่า ผมมองไปที่โรลส์รอยซ์, เมอร์ซีเดส-เบนซ์ และฟอร์ด  พวกเค้าผลิตรถยนต์ชั้นเยี่ยมออกมาปีแล้วปีเล่าแต่พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงมัน  พวกเค้ายังคงคุณลักษณะของมันเอาไว้  แล้วพัฒนามันขึ้นไปเรื่อยๆ มันน่าสนุกนะ  คุณมองเห็นรถยนต์รุ่นแล้วรุ่นเล่าถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ๆ  แต่โคคา-โคล่ายังคงอยู่  โรลส์รอยซ์ยังคงอยู่  ฟอร์ดก็เหมือนกัน  พวกเค้าเพียงใช้คุณลักษณะที่โดดเด่นของมันเป็นจุดสำคัญในการพัฒนาเท่านั้น  อืม...ผมเห็นอะไรๆ อีกเยอะที่จะนำมาใช้ร่วมกับสิ่งที่ผมทำอยู่ได้  เรื่องของเรื่องก็คือว่าผมไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ผมทำสักที (หัวเราะ)  ผมยังคงต้องปล่อยให้นิ้วมือของผมเดินทางต่อไป  แล้วก็หวังว่าสักวันหนึ่งผมคงจะพบกับสิ่งที่เป็นสุดยอดสำหรับตัวเอง  ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องการเลิกราจากวงการไปจนกว่าจะไม่มีใครต้องการผมนั่นแหละ  เมื่อนั้นเราค่อยมาว่ากันใหม่
ตราบใดที่มหาบุรุษแห่งดนตรีบลูส์ยังคงตั้งใจที่จะเดินทางต่อไปบนถนนดนตรีสายนี้  ตราบนั้นเสียงจาก Lucilleภายใต้การควบคุมของผู้เฒ่า B.B. King ก็จะยังโลดแล่นกรีดกรายสายสำเนียงแห่งบลูส์สู่ผู้ที่หลงใหลในมนต์ขลังของมันไปอีกนานเท่านาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

รายการบล็อกของฉัน