วันเสาร์, ตุลาคม 16, 2553

Rude Boys Music เพลง รูดบอยส์


Rude Boy คืออะไร ลองอ่านบทความต่อไปนี้ดู  แล้วคุณจะกระจ่าง..!!
   ด้วยความที่ดนตรีของชาอเมริกันส่งอิทธิพลต่อในจาไมกา  ทำให้เกิดแนวดนตรีใหม่ ๆ ขึ้นมากมาย หนำซ้ำยังเป็นแนวใหม่ที่ถูกอกถูกใจวัยรุ่นจาไมกาเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะวัยรุ่นผิวดำจากถิ่นสลัมที่เรียกตัวเองว่า "รูดบอย"
    ตามนิยามของพวกเขาเอง คำว่า "Rude" หมายถึงใครก็ได้ที่ต่อต้านรัฐบาล  ไม่ว่าจะเป็นนักปฏิวัติสลัม,มือปืน, แก๊งวายร้าย หรือใครก็ได้ตามที่ถูกกดดันจากพรรคการเมืองชั้นนำ 2 พรรคของจาไมกาให้ทำผิดกฏหมาย
    รูดบอยส์ชอบเต้นรำ  สุมหัวกันเป็นแก๊ง  พกอาวุธทุกชนิดและมีเรื่องกับเจ้าหน้า่ที่บ้านเมืองเสมอจนเป็นที่เอือมระอาของทั้งคนผิวดำและผิวขาวที่ฐานะเหนือกว่า    อุดมการณ์ของ Rastafarian ดึงดูดใจรูดบอยส์บางส่วนที่เคลื่อนไหวสะเปะสะปะให้เข้ามายึดถือเป็นสรณะ  เพราะรูดบอยส์หรืออีกหนึ่งคือรูดดี้ (Ruddy)  ต่อต้านศาสนาและศีลธรรมแบบอาณานิคมชนิดสุดโต่ง...
     สัญลักษณ์ของพวกเขาคือมีดโค้งคมเฟืองที่ใช้คอดเกร็ดปลา ส่วนมาจะใช้ ยี่ห้อ OKABI  รูดบอยส์ทำให้ถนนของกรุงคิงสตันเป็นถนนที่ไร้มารยาทและความปลอดภัย  เพราะรูดบอย จี้ ปล้น วิ่งราว กินเหล้า สูบกัญชา ขายกัญชา และรัมข้าวหลอน   รูดบอยส์ไม่ลังเลที่จะใช้ความรุนแรงกับใครก็ตามทันทีหากอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ที่พ้นสายตาตำรวจ   พวกเขาส่วใหญ่ทำตัวเป็นแค่นักปล้นและนักสร้างความกลัวเหนือชุมชนสลัมและแคมป์คนไร้บ้าน
     เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากปัญหาความยากจนและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังจาไมกาได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี ค.ศ. 1962
     รูดบอยส์จำนวนไม่น้อยถูกชักจูงให้เข้าเป็นเครื่องมือทางการเมืองทั้งของพรรคสังคมนิยม (รัฐบาล) และพรรคอนุรักษ (ฝ่ายค้าน) ด้านธุรกิจเพลงก็เช่นเดียวกัน  เพราะบริษัทแผ่นเสียงมักใช้รูดบอยส์ให้ดูแลความปลอดภัยเวลาจัดคอนเสิร์ตหรือปาร์ตี้บางโอกาสก็ใช้รูดบอยส์ไปทำลายธุรกิจของฝ่ายตรงข้าม
    คำว่ารูดบอยส์ถูกนำไปใช้เรียกชื่อแนวเพลง ที่เป็นการผสมผสานกัน  ระหว่าง ร็อคและสกา  ซึ่งครั้งหนึ่ง  Bob Marlay ก็เคยตั้งชื่อวงว่าเดอะ เวลลิง รูดบอยส์

   ในเพลง รูดบอยส์ถูกพูดถึง 2 แง่คือ แง่ดี และแง่ร้าย
   แง้ร้ายคือมองเป็นตัวปัญหา  เพราะใน ค.ศ. 1965 เกิดการปะทะทางสีผิวระหว่างคนดำกับชาวจีนที่เข้ามายึดธุรกิจขนาดเล็กและแน่นอนว่าตัวนำการปะทะก็คือ  รูดบอย  ทำให้หลังเหตุการณ์ดังกล่าวมีเพลงที่เขียนขึ้นเพื่อต่อต้าน  และเรียกร้องให้ลงโทษรูดบอยส์  อย่างเด็ดขาด  อาทิ  เพลง Johnny too Bad (จอนห์นี่คนสารเลว) ของเดิะ สลิงเกอร์ และ Shanty Town (ชุมชนแออัด)  แม่ดีคือแสดงความเห็นอกเห็นใจ  โดยเฉพาะเพลงของ Bob Marley ที่เข้าใจถึงต้นตอของปัญหาอย่างถ่องแท้ว่าอันที่จริงแล้วเรื่องแย่ ๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง  การไร้สิ้นความหวัง  เพราะเขาเองก็คือรูดบอยส์คนหนึ่ง  อาทิ เพลง Jail House (คุก-ตะราง)  ที่มีเนื้อหา ประมาณว่า "ไม่มีใครต่อกรกับคนหนุ่มยุคนี้ได้  เพราะคนหนุ่มแกร่งเหลือเกิน  ไม่มีใครควบคุมมวลชนได้  เพราะคนทั้งผองคือคนดิบ"


  ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง  นั่นก็คือ Mr.Clement "Sir Coxsone" Seymour Dodd. Clement เป็นชาวจาไมกัน  Clement เป็นเจ้าพ่อวงการดนตรีจาไมกา, นักธุรกิจดนตรีสมองใส, Sound Engineer, Producer, ผู้ก่อตั้งบริษัทแผ่นเีสียงเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Ser Coxsone's Down Beat และ Studio One สตูดิโอแห่งแรกในจาไมกา

        ศิลปินที่เขาโปรดิวซ์และบันทึกเสียงในสตูดิโอของเขามีดังนี้
     Skatalites, Soul Vendor, Soul Brother, Bob Marley & The Wailers, Ken Booths, Delroy Wilson, Dennis Brown, Jackie Mittoo, Don Drummond, Monty Alexander, Ernie Rangin, The Paragon, Alton Ellis, Buring Spear, และอีกนับไม่ถ้วน
        Clement นับเป็นคนแรก ๆ ที่คิดค้นวิธีการ  Dub
        Clement เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานนี้เอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

รายการบล็อกของฉัน